Robot and Frank


30 มิถุนายน 2556

ขณะที่เรากำลังนั่งแยกกองผ้าขาวและผ้าสีเพื่อเข้าเครื่องซักผ้ากันอยู่นั้น
หนึ่งในบทสนทนาวันอาทิตย์ ก็เปรยขึ้นมาจากคุณพ่อบ้าน..
“เธอยังจำประโยคจากโฆษณานี้ได้มั๊ย.. “ ช้านเกลียดวันหยุด....”
ภาพเป็นเสียงคุณแม่บ้านในหนังตะโกนก้องกับภาพผ้ากองโต และจานกองพะเนิน
กับมุมบ้านยุ่งเหยิงเลอะเทอะไปหมด
คงอาจเป็นโฆษณาผงซักฟอก หรือ น้ำยาทำความสะอาด ยี่ห้อใดยี่ห้อหนึ่งนานมาแล้ว
“อืม..ใช่ “เราตอบ “บ้านเราน่าจะมีหุ่นยนต์แม่บ้านกันซักตัวเนอะ..”
ว่าแล้วก็จินตนาการกันสนุกสนานถึงการมีหุ่นยนต์มาช่วยทำโน่น ทำนี่..
ให้กวาดบ้านก็ดี เช็ดบ้านด้วยนะ แล้วก็ซักผ้า ล้างห้องน้ำ ตัดต้นไม้ ให้ข้าวหมา..จิปาถะ...
หืมคงดีเนอะ เราคงมีเวลานั่งอ่านหนังสือ ไปเที่ยว และหลับกลางวัน มากกว่านี้อีกหน่อย..
คุยกันไปจิ๊จ้ะ..เรื่อยเปื่อย

เพราะเมื่อคืนเราไปยืมหนังเรื่อง Robot and Frank มาค่ะ
กิจกรรมคลายเครียดทุกอาทิตย์ ต้องมีภาพยนตร์อย่างน้อย 1 เรื่อง..
Robot & Frank ภาพยนตร์น่าสนใจ บอกเล่าถึงอนาคตล่วงหน้าของโลกเรา ที่มีการ
ใช้หุ่นยนต์ทำหน้าที่แทนมนุษย์กันอย่างกว้างขวาง ทำความสะอาดบ้าน ดูแลคนป่วย
หรือ แม้กระทั่งเป็นบรรณารักษ์ห้องสมุด

หนังที่ทำได้เกือบจะดี แต่ขาดการสรุปใจความ
ด้วยการทิ้งปมความสัมพันธ์ของตัวละครเอกผู้เป็นชายชราที่อยู่บ้านคนเดียวแบบฝรั่ง
มีอดตีตเป็นนักโจรกรรมเ ครื่องเพชร และเคยติดคุกมาแล้ว
กับหุ่นยนต์ตัวหนึ่งที่ลุกชายที่อยู่เมืองไกล เป็นห่วงพ่อ เลยซื้อมาให้ดูแล 1ตัว
ความสัมพันธ์เริ่มต้นจากการไม่ยอมรับหุ่นยนต์ตัวนี้เท่าไรนัก แต่นานๆเข้า
ฟังค์ชั่นการทำช่วยทำความสะอาด จัดระเบียบบ้าน มีโปรแรมทำอาหารเมนูสุขภาพ
ช่วยวางแผนโน่น นี่ เป็นเพื่อนคุย แถมไม้เด็ดคือความแม่นยำระดับหุ่นยนต์
สามารถช่วยคุณตาสะเดาะกุญแจเข้าสถานที่ต่างๆที่อยากขโมยของ ตามนิสัยเดิมที่แก้ไม่ได้
เลยทำให้ชีวิตที่เงียบเหงา
เหมือนจะตกอยู่ในอดีตนั้น มีกิจกรรมสีสันในชีวิตอีกครั้ง

เนื้อหาดูน่าสนุก แต่การเชื่อมโยง ร้อยเรียงตรรกะ ยังตะกุกตะตัก แบบงงๆ
ว่าคุณตาจะกลับใจได้ เรื่องขโมยของ หรือจะซาบชึ้งกับแง่คิดบางอย่างที่ได้จากหุ่นยนต์
หรืออะไร ยังไง มันไม่ถ่ายทอดสู่เอ็นไลท์เมนท์บางอย่างในใจผู้ชม
เลยจบกันแบบไม่คลี่คลายเท่าไหร่..
ซึ่งก็อาจเหมือนความสัมพันธ์ในชีวิตจริงของคนทั่วไป
“แหม..รู้สึกเหมือนเค้าทำตัวดีขึ้นนะช่วงนี้ ..
........2 วันผ่านไป..............
อ้าว..กลับมานิสัยแบบเดิมอีกแล้ว เบื่อจัง @%^$*(*_)_..”

รู้สึกกะคนอื่นเค้ายังไง..เค้าก็คงรู้สึกเหมือนเราบ้างในบางมุม..
ค่ะ..มันคงต้องใช้เวลา การเรียนรู้ภายในใจของเรานี่..มันค่อยเป็นค่อยไป
อย่าไปคาดหวังกับคนอื่นเลย..พยายามพัฒนาตัวเราดีกว่า..บอกตัวเองบ่อยๆค่ะ..

เขียนเรื่องหุ่นยนต์มาจบที่เรื่องใจใกล้ตัวซะงั้น
ชีวิตจริงมันต้องใช้เวลา..แต่ในภาพยนตร์ถ้าจะให้กินใจ
คงต้องรวบรัดเวลา หรือมีเหตุการณ์ระดับดราม่าหนักๆ..
เพื่อให้ตัวละครเรียนรู้หรือกลับใจสู่การแก้ไข เพื่อเป็นตัวอย่างอันดีต่อชีวิตผู้ชมนะค๊า...
เขียนบอกซะนิด เผื่อได้ยินถึงคนเขียนบทในบ้านเรา..
ใครดูแล้ว ชอบหรือไม่อย่างไร บอกต่อกันมามั่งนะคะ ^-^

Comments